“แอน จักรพงษ์” โพสต์ภาพครอบครัว แต่ถูกด่าแรง! งานนี้ฟาดกลับ 10 ข้อเน้นๆ แซ่บทุกบรรทัด

อยู่ดีๆ ก็โดนชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์ด่าแรงใต้ภาพครอบครัวที่โพสต์ลงบนโซเชียลฯ งานนี้ผู้บริหารตัวแม่เจ้าของแฮชแท็ก #สตรีข้ามเพศหมื่นล้าน อย่าง แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ก็เลยต้องขอฟาดกลับสักหน่อย

โดยเรื่องราวดราม่าดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ มีชาวเน็ตรายหนึ่งเข้ามาสาดข้อความเดือดกล่าวหาว่า แอน จักรพงษ์ ไร้ความรับผิดชอบไปเที่ยวไม่กักตัว อีกทั้งยังไม่ยอมประกาศแจ้งข่าวกรณีที่มีพนักงานในบริษัทติดเชื้อไวรัสโควิด-19

ซึ่งงานนี้ไม่เพียงแต่ แอน จักรพงษ์ โต้กลับชาวเน็ตเจ้าของคอมเมนต์แบบจัดหนักจัดเต็ม! ด้วยคำอธิบาย 10 ข้อใหญ่ๆ เท่านั้น แต่เจ้าตัวยังตบท้ายแบบแซ่บไม่มีแผ่วว่า มีสติยังไม่พอ ยุคปัจจุบันต้องมีสตางค์เตรียมไว้ด้วย ก่อนที่จะโจมตีผู้อื่นทางวาจา!!

“มีคนจิตป่วยบางคน ไม่มีความสุขกับการที่ดิฉันลงภาพคู่กับสามีและลูกอีกแล้ว คราวนี้มาเป็นทีมใส่ร้ายป้ายสีแบบไม่มีเหตุผลจึงขอฟาดกลับเป็นจำนวนทั้งหมด 10 ข้อ ซึ่งน่าจะใช้การทวีตสี่ถึงห้าครั้งนะคะ จึงจะครบทุกข้อความ”

1. แอน จักรพงษ์ สะกดแบบนี้ให้ถูกก่อนนะคะ

2. เราไม่เคยรู้จักกันเหตุไฉน ถึงเรียกคนที่คุณไม่เคยเจอส่วนตัวเลยด้วยซ้ำว่า อีกะเทยบัวใต้น้ำ ซึ่งถ้าดูจากโปรไฟล์คุณแล้ว ถ้าเป็นผู้ชายจริง ก็ควรต้องมีมารยาท สุภาพบุรุษ ไม่เรียกผู้หญิง หรือ สตรีข้ามเพศว่า อี หรือแทนตัวพวกเขาว่ากะเทย เพราะมันส่อสันดานความหยาบช้าค่ะ ถ้าคุณเข้าใจคำว่าบัวใต้น้ำ จริง สิ่งที่คุณทำอยู่มันคือการเป็นคนประเภทบัวใต้ดิน ซึ่งหมายถึงความต่ำสุดในพื้นปฐพีค่ะ

3. ใครปล่อยลูก น้องเป็น โควิดค่ะ? ใครเขาอยากจะเป็นกัน?! เอาข้อมูลมาจากไหน?! มโนเอง สรุปเองอีกแล้ว! หาเรื่องใส่ร้ายป้ายสี (Smear Campaign) ไปเรื่อยมีความสุขหรือคะ? มีแต่เขาตรวจพบ แล้วก็รีบให้พักงาน เพราะด้วยความไม่ระวังของเจ้าตัวที่อาจติดจากสมาชิกคนในบ้าน พอเรารู้ก็ให้ทุกคนทั้งบริษัทไปตรวจทันที และกักตัวคนที่มีความเสี่ยงใกล้คนๆ นั้นเป็นเวลา 14 วัน

นอกเหนือจากนี้ทางบริษัทก็ยังจ่ายค่าวัคซีนให้พนักงานทุกคน ซึ่งตอนนี้ทุกคนก็ได้คนละ 1-2 เข็มแล้วตามลำดับที่ได้จองไปเรียบร้อย….คุณอ่านข่าวแค่ไม่กี่บรรทัดว่ามีพิธีกรคนนึงติดหลังจากนั้นคุณก็เต้าข่าวให้ใหญ่โตเกินจริงเพื่อจ้องทำลายชีวิตคนอื่น (Cance/ Culture )…ไวรัสที่น่ากลัวกว่าโควิดก็คือไวรัสที่ ‘เห็นใครดีกว่าตนไม่ได้” …ไวสแห่งความริษยา…ไวรัสของจิตที่ป่วยในตัวคุณต่างหาก

4.ถ้าคุณคิดว่าเขาเป็นแหล่งแพร่โควิดจริงก็กรุณาเปิดจอทีวีดูว่าเขาจะผลิตรายการสดทุกวันๆ ละ 7 ชั่ว โมงได้อย่างไร?! หรือที่บ้านคุณไม่มีทีวี…มีแต่มือถือเอาไว้สร้างข่าวใส่ร้ายคนอื่น?! ถ้าไม่มีมาตรการที่เข้มงวด เขาจะนั่งทำงานกันแบบนี้ได้อย่างไร?! ควรต้องชื่นชมทางบริษัทดิฉันด้วยซ้ำ ว่ามีนโยบายเอาจริงชนิดสั่งให้คนพักงานทันที และจ่ายให้พนักงานทุกคนรวมหลักล้านบาท เพื่อได้รับวัคซีนทันที และที่สำคัญเราก็ได้มีการประกาศไปแล้วทางสื่อว่า เกิดอะไรขึ้น…ไม่ทราบว่าคุณไปอยู่ในรูไหนมา?! จึงไม่เห็นว่าเขาก็ได้มีการแถลงไปตั้งนานแล้วถ้าคิด

คุณแค่อยากจะหาเรื่อง อย่าทำตัวกระจอกเลยค่ะ ว่าสิ่งที่คุณพูดเป็นความจริงก็รวบรวมหลักฐานแล้วไปฟ้องที่สถานีตำรวจสิคะ บริษัทดิฉันอยู่ที่แบริ่ง อยากเจอตัวคุณ และพวกเหมือนกันจะได้สั่งฟ้องทั้งคดีแพ่ง และคดีอาญาเพราะปกติคนอย่างพวกคุณก็เก่งแต่ปาก พอเวลาให้มาเคลียร์ก็หายตัวหมดทุกคน ถ้าสิ่งที่คุณพูดเป็นเรื่องจริง ก็เชิญได้เลยค่ะ ดิฉันก็อยากเจอพวกคุณค่ะ เป็นผู้ชายที่เรียกคนอื่นว่ากะเทย และใช้สรรพนามแทนผู้หญิงว่า อี แต่พอเวลาให้โชว์ตัว…ผู้ชายอย่างคุณกลับไม่มา…หลบหน้าหายหนีอยู่ในรู…ขอแนะนำว่าคุณควรใช้คำสรรพนามกับตัวเองว่า ‘อีโคตรกะเทยใต้ดิน’ ค่ะ

5. ไม่เคยปิดคอมเมนต์ในเพจตัวเองค่ะ และแถมยังตอบเองด้วย อย่างที่ทำอยู่ตอนนี้ ดิฉันเป็นคนกล้าเผชิญหน้าค่ะ ไม่ต้องห่วง แล้ว ตอนนี้ก็อยากเจอคุณมากด้วย 6) โครงการแจกอาหาร 1,000,000 กล่องโดย แอน จักรพงษ์ ก็ทำเสร็จไปแล้วนี่คะ ไม่ได้ดูข่าวเหรอคะ ว่าแจกกันทุกวัน ทำงานหนักกันทุกวัน และก็จบไปแล้วพร้อมคำขอบคุณจากทุกโรงพยาบาล และมูลนิธิ…คุณมันเป็นคนแย่มาก…มือไม่พายยังเอาตีนราน้ำ ไม่ช่วยสร้างสรรค์ส่งเสริม หรือขอบคุณคนที่เขาทำให้กับสังคม ซึ่งใช้เงินหลายสิบล้าน…ยังกลับมาเย้ยหยัน

ถามกลับว่าไปถึงไหนแล้ว?! ไปถามคุณพ่อคุณแม่คุณว่าสอนคุณ มายังไงดีกว่าค่ะ?! ทั้งๆ ที่โครงการนี้ก็ออกข่าวออกทีวีทุกวันคนที่เขาทำงานกันทุกคนจะเสียความรู้สึกขนาดไหนกับคนบัวใต้ดินอย่างคุณ?! อาหารซักกล่อง ได้เคยทำช่วยเหลือบ้างหรือเปล่าคะ?! พอตอนนี้ได้รู้ความจริงมีคำว่า ‘ขอบคุณ’ สักคำมั้ยคะ?! จิตสำนึกไม่มีแล้วยังบังอาจหน้าด้านถามคนอื่นอีก??!

7. บอกให้ดิฉันหยุดใช้ Facebook ของดิฉัน ที่มีคนตามกว่า 12 ล้านคน ทำไม? ไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวอะไรกัน? มีเหตุผลอะไร?อยู่ดีๆ ก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีอะไรเกี่ยวเนื่อง แบบนี้ได้ด้วยหรือ?! ถ้าอยากจะหยุดดิฉันจริงๆก็ไปคุยกับ Mark Zuckerberg แล้วกันค่ะ

8. บอกดิฉันไปเที่ยวสนุกที่หัวหิน??!! แล้วมันหนักอะไรในหัวคุณหรือคะ? ที่ดิฉันไปเที่ยวกับสามี และลูกก็ไม่เข้าใจอีกเหมือนกัน ในเมื่อเราก็ไม่มีโควิด…ไม่งั้นรีสอร์ทก็คงไม่เปิดรับหากไม่มีผลตรวจ… แล้วใครจะเอาลูกไปเสี่ยงเที่ยวหากไม่ปลอดภัย?! บอกแล้วว่าไวรัสโควิดไม่น่ากลัวเท่ากับไวรัสริษยาของตัวคุณ

9. สรุปตกลงจะเขียนมาหาพระแสงอะไรคะ??! ไปทำมาหากินเถอะค่ะ คิดบวกคิด สร้างสรรค์แล้วชีวิตคุณก็จะบวกขึ้นเอง…อย่าเฝ้าแต่ริษยาคนอื่น หรือเล่นละครสร้างความสนใจเพราะหิวแสง ตลอดจนสร้างความเกลียดชังในสังคมด้วยการใส่ร้ายป้ายสี บาปบุญมีจริงนะคะ การมีอิสระในการแสดงความคิดเห็นทุกครั้งล้วนแล้วต้องอยู่บนพื้นฐานของคำว่า ‘เหมาะสม’ ทุกการกระทำล้วนต้องอยู่บนพื้นฐานของคำว่า ‘รับผิดชอบ’ เงินทุกบาทของค่าปรับหรือการถูกจำคุก ล้วนแล้วมีกฎหมาย ระบุเช่นกัน

10. มีสติยังไม่พอ ยุคปัจจุบันต้องมีสตางค์เตรียมไว้ด้วย ก่อนที่จะโจมตีผู้อื่นทางวาจา อย่าได้แต่อ้างว่านี่คือสังคมประชาธิปไตย เพราะสำหรับคุณมันคือ อัตตาธิปไตย มันคือข้ออ้างสำหรับคนหยาบช้าจอมปลอม (Crooks) ที่ต้องการจะหาผลประโยชน์จากคนลำบากของสังคมให้เชื่อคุณในช่วงตกต่ำของการเมือง และชอบใช้จังหวะที่มีช่องว่างของคนจนและคนรวย ในการสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นมากที่สุด กับคนที่คุณอยากจะโจมตี…พอเถอะค่ะ!!! การตลาดแบบนี้มันคือการตอกฝาโลงตัวเอง…ในที่สุดทุกคนมองออกว่าอะไรคืออะไร อยู่กันด้วยเหตุผล ใช้ชีวิตแบบปัญญาชนเพื่อลูกหลานของเรานะคะ #แอนจักรพงษ์”