เล่าไปยิ้มไป “อูม วิยะดา” ทำไร่-ทำสวน ในจังหวัดเลย ลูกหลานรุมล้อม ชีวิตล้นสุข ในวัย 66

เพราะชีวิตโอบล้อมไปด้วยพลังงานความรักและความสุข นักแสดงรุ่นใหญ่ อย่าง อูม-วิยะดา อุมารินทร์ จึงได้ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตในวัย 66 ปี กับทีมข่าวบันเทิง ด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ

โดยเธอได้เผยว่า เป็นระยะเวลากว่า 6 ปีแล้ว ที่มีโอกาสย้ายตามลูกชายและหลานๆ ไปใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ ในจังหวัดเลย แถมยังได้เริ่มต้นโครงการเกษตรผสมผสาน บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ ติดแม่น้ำ เพื่อปลูกผัก ผลไม้ เลี้ยงสัตว์ และอื่นๆ อีกมากมาย

ซึ่งทั้งหมดนี้ อูม วิยะดา ได้พูดด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจว่า ผลผลิตที่ได้ทั้งจากสัตว์และผักที่ปลูก ทำให้เธอแทบจะไม่ต้องใช้จ่ายเงินในชีวิตประจำวันเลยแม้แต่น้อย เพราะด้วยวิถีชีวิตแบบเรียบง่ายในต่างจังหวัด มีผักแลกข้าว มีไข่แลกเกลือ ทำให้เธอรู้สึกว่าเหมือนได้กลับไปใช้ชีวิตในยุคสมัยก่อน ที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเพื่อซื้อข้าวของสำหรับอุปโภคบริโภค

“ด้วยความที่แม่มีบ้านอยู่ที่จังหวัดเลย และก็ปลูกต้นไม้ไว้เยอะมาก ทั้งปลูกผักสวนครัว ปลูกผลไม้ เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ แต่ว่าผลผลิตทั้งหมดแม่ไม่ได้ขายนะคะ แม่เอาไว้แลกกับบ้านข้างๆ อย่างเช่น เอามะนาวไปแลกข้าว เอาไข่เป็ดไปแลกเกลือ มันเหมือนเราได้ย้อนยุคกลับไปอยู่สมัยโบราณเลยค่ะ ไม่ต้องใช้เงินซื้ออะไรเลย (ยิ้ม)”

“ถามว่าแม่ต้องปรับตัวเยอะไหม ก็เยอะนะคะ เพราะว่าแม่อยู่กรุงเทพมาตลอดชีวิต เคยคิดเหมือนกันในช่วงแรกๆ ว่าอาจจะอยู่ไม่ได้ แต่ปรากฎว่าพอได้ลองแล้วแม่มีความสุขมากเลย อากาศดี อากาศบริสุทธิ์ ได้อยู่กับธรรมชาติจริงๆ”

ขณะที่จุดเริ่มต้นชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ ของ อูม วิยะดา แท้จริงแล้วเกิดขึ้นได้เพราะลูกชายสุดที่รัก ที่มีความตั้งใจว่าอยากจะให้แม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในวัยเกษียณกับลูกๆ หลานๆ

และถึงแม้ตัวเธอเองจะหลงรักการใช้ชีวิตในต่างจังหวัดมากแค่ไหน แต่หน้าที่ ความรับผิดชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานในวงการบันเทิง ก็ยังคงเป็นสิ่งที่เธอรักและอยากที่จะสร้างสรรค์ผลงานเพื่อมอบความสุขให้กับแฟนๆ ผ่านหน้าจอตลอดไป

“เริ่มต้นจากลูกชายค่ะ ลูกชายเขาชอบที่ดินตรงนี้ และเขาก็มีความตั้งใจว่าอยากสร้างบ้านให้แม่อยู่ ให้แม่ได้ใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติในตอนอายุเยอะแล้ว แต่ปรากฎว่าไปๆ มาๆ เขาชอบเองค่ะ ไม่ยอมกลับกรุงเทพเลย (หัวเราะ) เขามาอยู่ที่นี่ก็เริ่มเลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ ทำเกษตรผสมผสาน ส่วนแม่ก็คิดถึงลูกไงคะเลยต้องมาหาเขา (ยิ้ม) จริงๆ ที่ตรงนี้แม่ไม่ได้อยู่ประจำหรอก แต่แม่จะมาอยู่ในช่วงที่ว่างจากงานละคร”

“ส่วนหลานๆ ก็ชอบ เขาชอบธรรมชาติ ได้เลี้ยงสัตว์ ได้ปลูกต้นไม้ และเขาทำบ้านดินเองด้วยนะคะ อายุ 10-12 ขวบ เขาเอาถุงขยะมาใส่ดินและก็ทำเป็นก้อนให้เหมือนอิฐ ทำกันเป็นหลังๆ เลยค่ะ และก็อยู่ได้ด้วย มันคือความรู้สึกเบิกบาน”

“ถ้าสมมติว่าไม่มีงานในวงการทำแล้ว แม่ก็อยากจะไปอยู่ที่นั่นนานๆ เหมือนกันนะคะ ทุกครั้งที่ไปอยู่ที่นั่นแม่ได้ปล่อยตัวตามสบาย ไม่ต้องแต่งหน้า ไม่ต้องแต่งตัวสวยๆ แม่ได้เป็นตัวของตัวเองเต็มที่ เพราะแม่เองก็เป็นชาวบ้านคนหนึ่ง อยากเดินไปเก็บผัก เก็บดอกอัญชัญ เก็บใบกระถินของชาวบ้านก็ไม่มีใครว่า แต่ถ้ามาเก็บที่กรุงเทพแบบนี้แม่โดนว่าแน่นอนเลย (ยิ้ม) แม่ชอบชีวิตแบบนี้มาก แต่อย่างที่บอกหน้าที่การงานแม่ก็ต้องรับผิดชอบด้วยเช่นกัน เพราะถ้าไม่ทำงานก็คงอยู่ไม่ได้”

กระแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปี ทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ อูม วิยะดา เล่าว่า ทุกวันนี้อยู่ได้ด้วยเงินเก็บ มีแต่รายจ่าย…ไม่มีรายรับ แต่ก็พยายามที่จะไม่ทำให้ตัวเองต้องคิดมาก เพราะเชื่อว่าไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่ได้รับผลกระทบ

“ช่วงโควิดได้รับผลกระทบมากเลยค่ะ ละครที่เปิดกล้องแล้วก็ถ่ายไม่ได้ ส่วนละครที่รอเปิดกล้องใหม่ก็ไม่ได้เปิดเช่นกัน เป็นแบบนี้มา 2 ปีแล้วที่ขยับไปไหนไม่ได้ มีแต่เงินออก ไม่มีเงินเข้า รู้สึกอึดอัดเหมือนนะคะ แต่ไม่ใช่แค่แม่หรอกที่ได้รับผลกระทบ ทุกคนเขาก็ได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด กิจการใหญ่ๆ ก็ไม่ต่างกัน ส่วนแม่เป็นแค่คนตัวเล็กๆ ไม่เป็นไรหรอก เรามีแค่ที่เรามีก็พอแล้ว”

“อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้แม่รู้สึกว่าตัวเองโชคดีก็คือ แม่มีลูกหลานที่ขยัน คือเขาก็ช่วยกันทำกับข้าวขาย ทำนู่นทำนี่ขาย ขายข้าวกล่อง ขายซาลาเปา ขายน้ำปั่น ขายกันนิดๆ หน่อยๆ ในหมู่บ้านนี่แหละ เป็นการขายออนไลน์ ส่วนแม่ก็เป็นนายทุน แต่ยังไม่เห็นมีใครมาคืนทุนแม่สักที (หัวเราะ) แม่มองว่ามันคือการฝึกฝนเขาค่ะ ให้เขาได้มีกิจกรรมทำเพื่อรับมือกับโลกสมัยหน้าที่เราเองก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง”

“รายได้หลักสำหรับแม่ตอนนี้ เอาจริงๆ ทุกวันนี้แม่กินเงินเก่าค่ะ ไม่มีธุรกิจ ไม่มีละคร ปีที่แล้วมีละคร 2 เรื่อง ปีนี้มีอีก 2 เรื่อง ก็มีอยู่แค่นี้ค่ะ ซึ่งไม่พอใช้อยู่แล้ว (ยิ้ม) ละครแม่รับหมดเลย ใครให้เล่นเป็นบทอะไรแม่ก็รับ บ้าๆ บอๆ แม่ก็รับหมด รับเชิญแม่ก็รับ บางทีไม่ได้เงินแม่ก็รับนะ เพราะแม่ชอบ แม่ชอบที่ได้ออกไปเจอเพื่อน ได้ออกไปกินข้าวกองถ่าย แค่นี้แม่ก็มีความสุขแล้วค่ะ”

ส่วนทางด้านสุขภาพร่างกาย แม้ว่าในตอนนี้ อูม วิยะดา จะมีอายุถึง 66 ปี แต่เธอก็ยังคงแข็งแรง กระชับกระเฉง และไม่มีโรคประจำตัวให้ต้องเป็นห่วง ซึ่งเคล็ดลับก็คือการทำให้ตัวเองอารมณ์ดีอยู่เสมอ และไม่คิดร้ายกับใคร หากมีสิ่งไหนที่เข้ามาบั่นทอนความรู้สึกก็ต้องรีบตัดออก

“เรื่องสุขภาพแม่ปกติดีทุกอย่างเลยค่ะ อาจจะเพราะแม่เป็นคนอารมณ์ดีด้วยมั้งคะ เป็นคนที่ไม่คิดลบ ไม่รับสิ่งที่ร้อนๆ สิ่งที่บั่นทอนเข้ามาในความคิด แม่ขออยู่กับความสุขความสบายใจดีกว่า นี่คือเคล็ดลับของแม่เลยนะ ทำให้ตัวเราเองอารมณ์ดีมีความสุข อะไรที่ทำให้เราอารมณ์ไม่ดีก็ตัดออก รวมถึงเราเองต้องไม่คิดร้ายกับคนอื่นด้วย ส่วนเรื่องออกกำลังกายก็มีค่ะ แต่เป็นในลักษณะของการทำงานบ้านนะคะ ซักผ้า รีดผ้า กวาดบ้าน คือแม่จะไม่มองเรื่องพวกนี้เป็นภาระ แต่แม่มองว่ามันเป็นการทำเพื่อให้เราได้ขยับร่างกาย”

ก่อนที่จะจบการพูดคุย อูม วิยะดา ก็ได้เสริมว่า ชีวิตของเธอในวัยนี้ คือชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความความสุข ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นได้เพราะลูกๆ หลานๆ และมุมมองความคิดที่ไม่กังวลยึดติดกับสิ่งใดๆ “ชีวิตในวัยนี้ของแม่ชื่นบานมากแล้วค่ะ มีลูกหลานรุมล้อม ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องดิ้นรนอะไรมาก ปล่อยชีวิตเราให้เป็นไปตามธรรมชาติ ถ้าทำได้เราก็จะมีความสุข”