สัมผัสดาวดวงใหม่ “บูม สหรัฐ” หนุ่มซื่อ เจ้าเสน่ห์ พกไฟฝันจัดเต็มมาเขย่าวงการ

แจ้งเกิดในวงการเพลงอย่างสวยงาม สำหรับ “บูม–สหรัฐ เทียมปาน” หนุ่มน้อยเสียงดีผู้คว้าตำแหน่ง เดอะสตาร์ ไอดอล คนแรกของเมืองไทย ก้าวสู่วงการเพลงเต็มตัวในวัยเพียง 17 ปี ด้วยความสามารถที่โดดเด่นและไฟฝันที่พกมาเต็มกระเป๋า บวกกับเสน่ห์ความซื่อปนขี้เล่นของบูม ส่งให้หนุ่มน้อยคนนี้กลายเป็นดาวดวงใหม่ที่เข้าไปนั่งในใจแฟนๆ มีคนคอยติดตามและสนับสนุนอย่างล้นหลาม

วันนี้ เลยขอพาตัวหนุ่มน้อยแสนซื่อขวัญใจแฟนๆ มานั่งพูดคุยสัมผัสตัวตน ความคิดและมุมมองเพื่อทำความรู้จักกับดาวดวงใหม่สักหน่อย และแน่นอนว่าสถานที่ที่เราเจอกันก็ไม่ธรรมดา เพราะวันนี้เรามานั่งชิลล์คุยกันที่ สามเสน สตรีท โฮเทล โรงแรมคอนเซปต์เก๋ กลางซอยวรพงษ์ หรือ ซอยสามเสน 6 และเรื่องราวของหนุ่มบูมจะเป็นอย่างไรบ้างไปชมกันเลย

“เดอะสตาร์ ไอดอล คนแรกของเมืองไทย” ตำแหน่งนี้หนุ่มวัย 17 ปี บอกว่าเป็นเหมือน “ความฝัน” 

บูม เริ่มเผยความรู้สึกหลังรับตำแหน่งสดๆ ร้อนๆ ว่า “มันเหมือนฝันมากกว่าครับ ผมไม่เคยคิดว่าผมจะมาเป็นเดอะสตาร์ไอดอลคนแรก แค่อยากลองหาวิธีประกวด อยากร้องให้คนอื่นได้ยินเสียงเฉยๆ ครับ แต่พอมันเข้ามาอยู่ตรงนี้ผมก็ไม่อยากทำให้ทุกคนผิดหวัง ก็ต้องทำให้มันดูเหมาะสมหน่อย”

“สิ่งที่ทำให้ชนะใจแฟนๆ อาจจะเป็นเพราะว่าผมไม่คิดอะไรเยอะหรือเปล่าครับ ก็ทำไปตามฟีล เป็นตัวของผมเอง เขาอาจจะชอบในแบบที่ผมเป็นแบบนี้ จริงๆ แล้วถ้าผมยังไม่รู้จักหรือสนิทกับใคร ผมจะเป็นคนนิ่งๆ นิดนึงครับ ผมจำไม่ค่อยกล้าเข้ามาคุย กลัวเข้าไปคุยแล้วเขาจะหนีผม เผื่อเขาคิดว่าผมดูบ๊องๆ หรือเปล่าครับ ดูพูดไม่ค่อยรู้เรื่องเวลาคุยกับคนอื่น กลัวเขาไม่อยากคุยด้วย แต่ว่าพอสนิทแล้ว คือ มันเป็นแบบนั้นจริงๆ  ผมเลอะเทอะมาก แล้วก็รั่ว เป็นคนคุยเก่งกับคนที่สนิท คุยไม่ค่อยรู้เรื่อง” 

บูม สหรัฐ

เส้นทางนักร้องถูกจุดประกายจากสิ่งเล็กๆ อย่าง Gift Voucher นมผง

 “จุดประกาย คือ นมผง แม่ผมเขาซื้อนมผงมาให้ผมตอนสี่ขวบครึ่ง แล้วในนมผงมันมี Gift Voucher ส่วนลดโรงเรียนสอนร้องเพลง 500 บาท ก็เลยถามผมว่าอยากเป็นนักร้องมั้ย ถ้าเป็นแล้วคนรู้จักเยอะ แล้วก็มีรายได้ แต่ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไรนะทีแรก พอผมฟังแบบนั้นผมก็โอเค เอาก็ได้ ผมก็ลองไปเรียน ก็ชอบครับ ผมรู้สึกว่ามันก็สนุกดีครับ ทุกครั้งที่ผมไปเรียนเสร็จแล้วผมจะได้ของเล่นไงครับ ยิ่งทำให้ผมอยากเรียน”

“แต่ผมเพิ่งมาจริงจังกับการร้องเพลงจริงๆ ตอน ม.2 ครับ เพราะรู้สึกว่าตอนนั้นผมชอบ พี่โต ซิลลี่ฟูล มาก ชอบมากๆ ผมก็เลยร้องทั้งวันจนแทบไม่เรียนเลยครับ แต่รู้สึกมันมีความสุขครับ รู้สึกมันเท่ดีครับ อยากเป็นแบบพี่โตได้ เลยจริงจังกับการร้องเพลงมากๆ ครับ”

แม้ตอนนั้นจะยังไม่เข้าใจว่านักร้องคืออะไรแต่ความสามารถฉายแววเด่น ได้ขึ้นเวทีใหญ่ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ 

“ผมเคยขึ้นคอนเสิร์ตกับ พี่เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ มาครั้งนึง เป็นประสบการณ์ที่สนุกมากครับเพราะว่าคอนเสิร์ตเวลาจัดก็จัดเป็นสิบรอบ ต้องทำเหมือนกันทั้งสิบรอบ แล้วคนดูข้างล่างแน่นมาก เป็นหมื่นคน จัดที่อิมแพคเมืองทอง แล้วรู้สึกว่าเวลาเรามองไปข้างล่างเห็นคนยิ้ม คนร้องตาม  แล้วดูเท่มากเลย อยากทำแบบนั้นอีก ก็เลยพยายามหาเวทีประกวด”

ในยุคโซเชียลที่ทุกคนสามารถแจ้งเกิดจากการแสดงความสามรถผ่านโลกโซเชียลได้ แต่ บูม ยังคงเลือกการขึ้นเวทีประกวด เรื่องนี้บูมเล่าให้ฟังว่า  

“ผมเป็นคนหาโอกาสให้คนได้ลองฟังเสียง พอมีรายการเดอะสตาร์ไอดอลเปิดรับสมัครก็เลยลองส่งไปดู แต่ผมไม่ได้คาดหวังเลยครับ แค่ลองส่งไปถ้าผมไม่ได้ที่เดอะสตาร์ไอดอลผมก็ยังคงร้องเพลงต่อไป หาเวทีให้ขึ้นไปโชว์ครับ”

จากความชอบสู่อาชีพ 

“ความรู้สึกถามว่ากดดันไหม ไม่ได้กดดันอะไรขนาดนั้นครับ แต่ผมก็ต้องพัฒนาตัวเองต่อไปครับ ถ้าจะเป็นนักร้องอาชีพได้ต้องเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง การเข้าสังคมด้วยครับ เรียนรู้การร้องเพิ่มเติมเข้าไปอีก พยายามหาเอกลักษณ์ให้ตัวเอง”

 “จริงๆ ก็ยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ครับ ผมเป็นคนนึงที่เรียนอยู่ในห้องเรียน เรียนออนไลน์อยู่บ้านและทำงานส่งไปวันๆ ใช่ไหมครับ ไม่คิดว่าวันนึงต้องมาทำอะไรแบบนี้ครับ เป็นอะไรที่ตื่นเต้นและท้าทายมาก เรื่องที่ไม่ชินก็คือแบบมีคนมาสัมภาษณ์ มาถามคำถามผม ก็มีถ่ายแบบอะไรแบบนี้ครับ ถ่ายหน้าปกโน่นนี่นั่น คือ มันเท่ดีครับ มันเป็นความรู้สึกใหม่และผมยังไม่ชินแต่ว่าอยากทำเรื่อยๆ ครับ”

“อนาคตอยากเล่นละครด้วยครับ แล้วก็อยากเป็นศิลปินที่คนชอบเพลงผมและร้องตามได้ อยากให้ทุกคนได้เห็นผมลองแสดงหนังดูอะไรแบบนี้ครับ ผมก็อยากลองเหมือนกัน อยากลองเล่นภาพยนตร์และซื้อตั๋วมาดูตัวเอง อยากมีฟีลแบบนั้น อยากชวนเพื่อนมาดูครับ” บูม บอกด้วยสายตาที่เป็นประกาย 

บูม สหรัฐ

บูม เล่าต่ออีกว่านอกจากการชนะเวทีนี้จะสานฝันตัวเองแล้วยังเป็นเหมือนการสานฝันให้คุณแม่ ผู้ที่เปิดทางให้บูมรู้จักกับการร้องเพลง บูมบอกว่า “คุณแม่เขาก็ดีใจครับ ตอนที่ผมเข้ารอบ 20 คนเขาก็เลี้ยงพิซซ่า เขาก็ภูมิใจครับ แต่ผมต้องไปแก้บนนะ บนพระเจ้าตาก แต่ว่าแม่ผมไปบนที่นครสวรรค์ให้ด้วยแล้วก็หลวงพ่อโสธรครับ สำหรับบนว่าได้แชมป์ก็เอาหัวหมูไปให้แล้วก็ไข่ต้มพันฟองครับ ของผมบนเองมีแค่พระเจ้าตากครับ บนว่าจะเอาดาบมาถวายครับ”

สำหรับชีวิตหลังการก้าวเข้าสู่วงการเต็มตัว บูม ยอมรับว่าชีวิตของเขาเปลี่ยนไป จากเด็กธรรมดา ตอนนี้คนจับตามองมากขึ้น แต่ต้องยอมรับเพราะเลือกแล้ว

“การใช้ชีวิตเปลี่ยนไปครับเพราะต้องระมัดระวังมากขึ้น สมมติเจอคนมาขอถ่ายรูปก็ต้องถ่ายให้ครับ เราต้องเอาใจแฟนคลับด้วย เราไม่อยากทำให้เขาผิดหวัง อย่างโซเชียลผมเคยลงอะไรที่มันดูน่าเกลียด เป็นหน้าผมฟิลเตอร์ทุเรศๆ นิดนึงครับ ลงไปไม่ถึงนาทีเลยจำไม่ได้ว่ากี่วินี่แหละแต่คนอัดทัน ผมงงมากเลย ชีวิตนี้ผมต้องระวังสุดๆ เลยครับ”

“จริงๆ แล้วถ้าเข้าวงการมาแล้วก็เหมือนเอาตัวเองมาเป็นเหมือนที่สาธารณะแล้ว เรื่องส่วนตัวก็คงเป็นเรื่องของสาธารณะไปแล้วก็ต้องทำใจให้ได้ครับเพราะว่าผมก็เลือกเองครับ

“สิ่งที่ผมกลัวหลังจากนี้ ผมกลัวคนหาว่าหยิ่งครับ ผมเคยตอนนั้นอยู่ ป.4 มั้งครับ ผมร้องเพลงแล้วผมเหนื่อยๆ ผมก็อยากกลับบ้าน ก็มีรุ่นพี่มาขอถ่ายรูป ผมก็รำคาญ ผมก็เลยทำหน้าเหวี่ยงๆ เขาก็เลยบอกว่า เนี้ย หยิ่งอะไรแบบนี้ ผมก็เลยแบบ อะไรวะ ไม่ได้หยิ่ง แต่ก็รู้สึกเจ็บๆ นิดนึงครับ ก็เลยรู้สึกว่าถ้ามีโอกาสก็จะไม่ทำแบบนั้นครับ” 

“ผมกลัวทัวร์ลงครับ ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรฟรือเปล่าในอนาคตที่ทำให้มีดราม่า หรือผมอาจจะขึ้นเทรนด์ทวิตอันดับหนึ่งอะไรอย่างงี้ แต่ขอเป็นเรื่องดีแล้วกันครับ”

“ส่วนเรื่องของคำชมที่เข้ามาเยอะผมก็รู้สึกดีใจครับ แต่บอกตัวเองว่าอย่าเหลิงๆ ที่มีคนชม ต้องรู้สึกว่าตัวเองมีสิ่งที่ต้องพัฒนาต่อไป ผมเองก็ยังไม่ได้เป็นคนที่ดีมาก เพอร์เฟกต์เลิศเลออะไรขนาดนั้นครับ ถ้าให้นิยามความ “บูม สหรัฐ” ผมก็ขอนิยามตัวเองว่า “ขี้เล่น ซื่อ ชอบกินแล้วกันครับ”

และเมื่อถามถึงคำว่า “ประสบความสำเร็จ” บูม ได้เผยถึงคำนี้ในความคิดของตัวเองที่วางแผนเอาไว้ด้วยว่า  “ประสบความสำเร็จสำหรับผม คือ จุดที่ผมทำให้ครอบครัวสบายครับ ทำให้พ่อแม่ไม่ต้องทำงานครับ ผมอยากจะทำให้คนรู้จักมากขึ้น ทำให้คนชอบผลงานมากขึ้น จะได้มีบ้าน มีรถให้พ่อแม่ เขาจะได้หยุดทำงานแล้วผมทำงานคนเดียวครับ มีครอบครัวครับ ผมคิดไกลไปไหม แต่ผมคิดว่าผมต้องมีบ้านมีรถให้พ่อแม่ไม่ต้องทำงาน และผมก็ต้องมีครอบครัวที่ดี อบอุ่น แค่นั้นครับ ประสบความสำเร็จแล้ว” 

บูม สหรัฐ

นอกจากเรื่องราวความฝัน แผนในวงการแล้ว บูม ยังแง้มเรื่องราวหัวใจ รักใสๆ ได้คุยแต่ไม่ได้คบ ให้เราได้ฟังกันด้วย 

บูม เล่าติดอาการเขินเบาๆ ว่า “ผมยังไม่มีแฟนครับ ผมคุยกับใครก็ไม่ได้คบ ผมจีบใครเขาก็ไม่เอา เขาก็ไปเอาคนอื่น ผมเคยชอบรุ่นพี่คนนึง จีบเขามาเป็นปี แต่มีอีกคนเข้ามาแป๊บเดียวเองเขาไปกับคนนั้นเลย มันเศร้า ผมเลยแต่งเพลงอกหักเพลงแรกของผม ทุกเพลงที่ผมแต่งมาจากผู้หญิงหมดเลยครับและอนาคตผมก็จะทำแบบนั้นครับ ก็มีทั้งอกหักและสมหวัง ก็แต่งเพลงทั้งอกหัก แต่งเพลงจีบ แต่เพลงเพราะสมหวัง แต่เพลงเพราะเหงาอะไรแบบนี้ครับ”

“ส่วนเรื่องสเปคก็ชอบ ขาวๆ ก็ได้นะครับ ผมชอบผู้หญิงที่ดูน่ารักครับ ชอบผู้หญิงที่เป็นตัวของตัวเอง ธรรมชาติเวลาอยู่กับผม ชอบในแบบที่ผมเป็นด้วย อะไรก็ได้ง่ายๆ ดีครับ ผมรู้สึกว่าผมแปลกไปนิดนึง ผมอาจจะดูเป็นคนบ๊องๆ หรือเปล่า ก็รอผู้หญิงที่รับแบบที่ผมเป็นได้ ที่เข้าใจในตัวผม”

หลังจากพูดคุยกันไปแบบหมดเปลือก บูม ขอตบท้ายด้วยการอ้อนแฟนๆ ที่รักด้วยว่า “ฝากถึงแฟนหรือทุกๆ คนที่โหวตให้ผมนะครับ ฝากผลงานในอนาคตด้วยไม่ว่าจะมีงานอะไรก็ตามดูผมด้วยครับ เห็นผมที่ไหนก็ลองกดเข้าไปดู ลองเสียเวลาสักนิดนึงครับ ถ้ามีเพลงออกมาก็ฟังเพลงผมด้วยครับ ผมอยากเล่นละคร ถ้ามีละครออกมาก็ดูละครผมด้วยนะครับ”

เรียกได้ว่าเป็นเด็กรุ่นใหม่ไฟแรงและความสามารถจัดเต็ม แถมเสน่ห์ยังแพรวพราวอีกต่างหาก ยังไงแฟนๆ ก็อย่าลืมติดตามผลงานของหนุ่มเสียงดีคนนี้กันเรื่อยๆ รับรองว่าอีกไม่นาน บูม ต้องได้ปล่อยของตามความฝันและแฟนๆ ต้องไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

 

ขอบคุณสถานที่ : สามเสน สตรีท โฮเทล