“วุ้นเส้น” ทุ่มสุดตัวสานฝันด้านธุรกิจ เปิดเรื่องรัก การแต่งงาน รู้ซึ้งคำว่าเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

เป็นสาวสวย เก่ง ครบเครื่องมากๆ สำหรับสาว วุ้นเส้น-วิริฒิพา ภักดีประสงค์ ที่นอกจากฝีมือในวงการที่คร่ำหวอดมายาวนานแล้ว ตอนนี้ขึ้นแท่นนักธุรกิจสาวไฟแรงเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงาม SEWA (เซวา) ที่ประสบความความสำเร็จเป็นอย่างมาก และเจ้าตัวยังไม่หยุดยั้งยังสร้างสรรค์แบรนด์ต่อแบบที่เรียกว่าทุ่มสุดตัว ทั้งแรงกาย แรงใจ

ขึ้นแท่นสาวสวยเก่งครบสูตรแบบนี้ เลยขอเบียดเวลาคิวทองของธุรกิจสาวไฟแรงมานั่งพูดคุยกันถึงบทบาทใหม่ในฐานะนักธุรกิจ พร้อมกับอัปเดตสิ่งที่แฟนๆ อยากรู้ ทั้งเรื่องหันหลังให้วงการบันเทิง เรื่องความรักที่ตอนนี้ศึกษาดูใจอยู่กับหนุ่มนักธุรกิจคนเก่ง มุมมองความรัก การใช้ชีวิตเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน หลังจากเติบโตและผ่านเรื่องราวมามากมาย

ธุรกิจเป็นยังไงบ้าง?

“ธุรกิจเซวาที่วุ้นทำก็เริ่มมาประมาณ 5 ปีแล้ว ปีนี้ก็ปลายปีแล้ว ปีหน้าก็จะมีโปรเจ็กต์เพิ่มขึ้น อย่างปีแรกเซวาเรามีผลิตภัณฑ์หนึ่งตัว ตัวเดียวเลยนะที่เราทำ และเรารู้สึกว่าทำตัวนี้น่าจะแค่ปีนึง หรือ สองปีอะไรประมาณนี้ แต่พอปีที่สอง ฟีดแบ็คมันดีลูกค้าอยากให้ทำผลิตภัณฑ์เพิ่ม เพราะฉะนั้นตัวที่สอง สาม สี่ รวมกันก็ ห้าตัวแล้ว ปีหน้าก็จะมีเพิ่มอีกสามตัว”

“มันเร็วจนทำให้เราสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไปได้มันก็เลยกลายเป็นห้าปีที่เร็วแต่ทำงานตลอดเวลา มันไม่ได้หยุดนิ่งเลย วุ้นอยากโตไปเรื่อยๆ ไม่ได้อยากอยู่แค่ห้าปีแล้วจบ อีกสิบปี ต่อให้เราอายุมากแค่ไหนเซวาก็ยังต้องอยู่กับเราไปเรื่อยๆ”

2 ปีที่ผ่านมาหลายๆ ธุรกิจตกที่นั่งลำบาก เรากระทบมากน้อยแค่ไหน?

“ก็โควิดไง โควิดสองปีนี้ก็กระทบอยู่แล้ว น่าจะไม่มีใครไม่กระทบนะ สำหรับแบรนด์เรากระทบแต่ยังไม่หนักมากเท่ากับที่คิดไว้ เพราะเราขายออนไลน์ได้ 0.02.29 แต่ว่าตามเป้าที่วางไว้ไหมมันก็ยังไม่ถึง เพราะว่ามันเป็นจังหวะที่เศรษฐกิจแย่จริงๆ  ก็รอลุ้นกันว่าปีหน้าจะเป็นยังไง แต่ก็ไม่ท้อ ก็คือสู้ต่อ คิดว่าของเราดียังไงก็ขายได้”

ขึ้นชื่อมากว่าเป็นเจ้าของแบรนด์ที่ใส่ใจทุกรายละเอียด?

“ความที่เราอยู่ในวงการมานาน เพราะฉะนั้นคนจะรู้จัก คนนี้คือวุ้นเส้นนะ เมื่อก่อนเรามีข่าวมากระทบต่างๆ นานา มันก็เหมือนลดคุณค่าของตัวเองไปแล้ว แต่ว่าวันนึงเรามาเป็นนักธุรกิจแล้ว สิ่งที่เขามองเรา เราก็อยากให้เขามองเรา มองธุรกิจเรา ในภาพลักษณ์ที่ดี เพราะฉะนั้นถ้าเราทำของอะไรออกไปแล้วมีคนเม้าท์ว่าของวุ้นเส้นไม่เห็นดีเลย ของวุ้นเส้นใช้แล้วไม่ได้ผล เราก็รู้สึกเจ็บ รู้สึกว่าเราตั้งใจมากแต่ถ้ามีคนแบบนี้เรารู้สึกแย่ แต่สุดท้ายเรามั่นใจว่าของที่เราทำเราละเอียดจนมันออกมาดีจริงๆ”

วุ้นเส้น วิริฒิพา

เปลี่ยนบทบาทจากคนในวงการบันเทิงสู่วงการธุรกิจ ทุ่มเทแค่ไหน?

“ก็จริงๆ เป็นสิ่งที่ใหม่มากสำหรับวุ้น แต่ก็ไม่ได้ใหม่จนไม่เคยทำ เพราะวุ้นเริ่มทำธุรกิจครั้งแรกเมื่อประมาณสิบปีที่แล้ว แต่ว่าอาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ อาจจะเป็นเล็กๆ น้อยๆ SME เป็นพวกแฟชั่น เครื่องประดับ อาหารเสริม ได้ลองตลาดมาบ้างแล้ว แต่ตอนนั้นเรายังทำงานในวงการเยอะมากอยู่ ก็เลยให้ความสำคัญกับมันไม่ได้เยอะเท่าไหร่ พอตอนนี้เราคิดว่าถึงเวลาที่จะมาเป็นนักธุรกิจเต็มตัว การเป็นดาราก็เป็นส่วนหนึ่ง อาจจะเป็นดาราน้อยลง ทำงานในวงการน้อยลงแต่ว่าไม่ได้หายไปเลย แต่แน่นอนว่าทั้งชีวิตก็ทุ่มเทให้ธุรกิจ เพราะว่าทั้งเงินทั้งชื่อเสียงต่างๆ ที่เราสั่งสมมาวันนี้เราเอามาใช้กับธุรกิจ ตอนนี้มันกำลังไปได้ดี กำลังเติบโต เพราะฉะนั้นมันยิ่งท้าทายให้เราลุยต่อ”

การทำธุรกิจสไตล์ “วุ้นเส้น”  เป็นยังไง?

“วุ้นให้ความสำคัญกับเรื่องของผลิตภัณฑ์เพราะเราเป็นลูกค้ามาก่อน เรารู้ว่าเราอยากได้อะไรจากเจ้าของแบรนด์ สิ่งที่วุ้นอยากได้คือความจริงใจจากเจ้าของแบรนด์ พูดอะไรก็ได้อย่างนั้น ไม่ใช่ว่าขายของเกินจริง วุ้นคิดว่าแบรนด์วุ้นก็จริงใจกับลูกค้าเหมือนกันแล้วก็ให้เต็ม จัดเต็ม เพราะเราก็อยากให้สินค้าเราประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราพูดออกไปแต่ละอย่างมันออกมาจากใจเราจริงๆ  เราต้องสร้างคุณภาพสินค้าออกมาให้ดีอย่างที่เราพูด ไม่ใช่พูดอย่างแล้วสินค้าเป็นอีกอย่าง”

ธุรกิจเป็นความฝันของเราอยู่แล้ว?

“การเป็นนักธุรกิจคนอาจจะคิดว่าเราเพิ่งคิดได้หรือเปล่าว่าเราอยากเป็น เมื่อก่อนเอาตรงๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เป็นดารา ไม่เคยคิดว่าตัวเองสวยขนาดเป็นดาราหรืออะไรเลย เราโตมาสบายๆ ไม่ได้โตมาแบบการแสดง นึกออกมั้ย มันจะมีคนที่กล้าแสดงออก แต่วุ้นเป็นคนโตมาชิลล์ๆ แสดงก็ได้ไม่แสดงก็ได้ ลึกๆ ของวุ้น วุ้นแค่อยากประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ตอนเด็กๆ เราไม่รู้หรอกว่าเราจะได้เป็นอะไร ดวงชะตาจะพาไปทางไหน

แต่พอเรามาทางวงการบันเทิง มันก็ทำให้เราเรียนรู้ สั่งสมประสบการณ์จนอยู่มาได้ถึงวันที่ได้เป็นนักธุรกิจจริงๆ ทุกอย่างเป็นโชคชะตา และเป็นเพราะความพยายามของเราด้วย ความฝันของเราด้วย ที่เราอยากจะเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ”

“ตอนนี้สนุก แต่ว่ามีความเครียดมากกว่าตอนเป็นดารา ตอนเป็นนักแสดงเรารับงานจบเป็นวันวัน แล้วก็ได้เงินเป็นวันวัน เป็นเดือนหรืออะไรก็แล้วแต่ แล้วก็ไม่ต้องมานั่งคิดอะไรต่อ ทำหน้าที่เสร็จคือจบ คุณมีหน้าที่ต้อง สวย มีความสามารถแสดงให้ได้ ต้องพูดให้ได้ แค่นี้คือจบ แต่การเป็นนักธุรกิจมันมีความปวดหัว ในหลายๆ อย่างที่นับไม่ได้จริงๆ ว่ามีอะไรบ้าง”

มีโอกาสหันหลังให้วงการบันเทิงเลยไหม?

“ตอนนี้ยังรับละคร ยังเล่นละครอยู่ ยังถ่ายรายการอยู่บ้าง แต่ร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม วุ้นคิดว่าก็จนกว่าจะไม่มีงานที่วุ้นอยากทำ ก็คงเหมือนทุกคนที่อยู่ในวงการมานาน ทำมาทุกอย่างแล้ว แต่พอถึงอายุนึงแล้ว คุณอาจจะส่องกระจกแล้วรู้สึกว่า ฉันไม่ได้อยากเล่นบทนี้ กับวัยนี้ และหน้าตาแบบนี้อีกแล้ว มันจะมีจุดนั้น ซึ่งวุ้นก็ไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่”

วุ้นเส้น วิริฒิพา

“ทุกอย่างมันเป็นโอกาสหมดค่ะ งานในวงการที่เขายอมรับเรา ยื่นมาให้เราทำ ไว้ใจให้เราทำมันเป็นเกียรติกับเรามากอยู่แล้ว ว่าอายุเท่านี้ยังมีคนจ้างเราอยู่ แต่ว่าสุดท้ายแล้วธุรกิจถ้าจะร้อยเปอร์เซ็นต์จริงๆ มันก็ต้องมีวันนั้นอยู่แล้ว ที่เราอาจจะแตะวงการไม่ได้ วันนึงเราอายุมากขึ้นวงการก็คงไม่เอาเราเหมือนกัน เพราะฉะนั้นธุรกิจก็คงอยู่กับเราไปตลอดชีวิต”

พูดคุยถึงชีวิตในวงการบันเทิงบ้าง ผ่านเรื่องราวมาเยอะ ได้เรียนรู้อะไรจากชีวิตในวงการบ้าง?

“โห! วงการนี้ก็คือทำให้วุ้นเป็นวุ้นทุกวันนี้จริงๆ วุ้นผ่านทั้งข่าวดี ข่าวเสีย ข่าวแย่อะไรมาเยอะมาก ทุกอย่างมันเป็นสิ่งที่สร้างจิตใจ และสมองเราในทุกวันนี้ ตอนนั้นวุ้นยังคิดเลยว่า โห! ข่าวมาขนาดนี้ ไม่ตายก็บุญแล้ว แต่วันนี้ชีวิตเราไม่ได้ใกล้เคียงความแย่ด้วยซ้ำ เรายังมีความสุข และยังมีพลังทำสิ่งดีๆ ต่อ ไม่ว่าจะเป็นงานหรือธุรกิจต่างๆ เรายังมีแรงอยู่ ทั้งที่เราบอบช้ำจากต่างๆ นานามาเยอะแยะมากมาย แต่ทุกอย่างไม่ได้ทำร้ายเราขนาดที่เราไม่มีที่ยืนแล้ว ไม่ได้รู้สึกว่าอยู่ไม่ได้แล้วในวงการ ทุกวันนี้คนก็ยังน่ารักกับเราเหมือนเดิม ทุกคนเข้าใจว่าข่าวก็คือข่าว เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์จริงๆ

เมื่อก่อนได้ยินคำนี้มานานแล้วว่า “เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์” เราก็บอกว่า เมื่อไหร่เวลานั้นจะมาถึง ทำไม ต้องพิสูจน์ไปอีกนานไหม แต่วันนี้มันใช่จริงๆ เวลาทั้งเยียวยาตัวเอง ทั้งสร้างตัวเอง ให้เป็นคนใหม่ สร้างจิตใจใหม่ๆ ให้เราสามารถยืนอยู่ในสังคมที่จะมาทำร้ายเราเมื่อไหร่ก็ได้อย่างแข็งแรง เพราะฉะนั้นทุกวันนี้วุ้นก็เลยไม่ค่อยเจ็บอะไรแล้ว ด้านชา (หัวเราะ)”

เลือกที่จะเงียบดีกว่าการออกมาตอบโต้เสมอ?

“วุ้นเลือกเงียบตลอด เพราะวุ้นรู้สึกว่า วุ้นไม่ชอบการที่แบบมาพูดถึงคนอื่นไม่ดี ไม่ว่าเขาจะทำจริงหรือไม่ได้ทำ มันไม่ได้ดูสวยงาม เราก็เห็นมาเยอะ เราก็ไม่ได้ว่าอะไร ทุกคนมีสิทธิที่จะพูดความจริงก็เป็นเรื่องของเขา แต่อันนี้เป็นเรื่องของวุ้น วุ้นไม่ค่อยอยากเอาเรื่องไม่ดีๆ ออกมาพูดตอบโต้กันไป ตอบโต้กันมา วุ้นไม่อยากมีจุดนั้นในวงการ วุ้นอยากอยู่แบบไม่ต้องเป็นข่าวเยอะ แต่ว่าเมื่อก่อนมันก็ข่าวเยอะ (หัวเราะ) แต่วุ้นก็อยู่นิ่งๆ เพราะว่าอยากหลีกเลี่ยงการตอบโต้ อยากหลีกเลี่ยงการปะทะ ซึ่งสุดท้ายวุ้นก็คิดถูก

ถ้าตอนนั้นวุ้นออกมาพูดอะไรเพื่อตัวเอง แต่ว่าคนอื่นดูไม่ดี วุ้นก็จะรู้สึกเสียใจเนาะ ไม่น่าทำเลย เพราะมันก็คงเป็นเรื่องที่แย่กว่าที่มันเป็นไปอีก มันแย่ลงไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว เวลามันจะบอกเอง ชีวิตทุกวันนี้วุ้นก็ยังอยู่ได้ ก็ยังอยู่ได้โดยที่ไม่ทำร้ายใคร”

มีจุดที่รับมามากๆ จนไม่ไหวบ้างไหม?

“พวกข่าวหรือว่าคอมเมนต์ต่างๆ มันมีเป็นช่วง ช่วงนึง แล้วมันก็หายไปเร็วมาก กลายเป็นว่าทุกวันนี้ก็ไม่ได้มีอะไร เหมือนเพื่อนโกรธเรา และตอนนี้เขาดีกับเราแล้ว ก็เหมือนประชาชนเขาคงอาจจะรู้สึกแบบนั้นเขาเลยเขียนมา พอเรารับรู้แล้วว่าคุณรู้สึกยังไง สุดท้ายเราไม่ได้ฟีดแบ็คอะไรกลับไปให้เขาว่าเราโกรธหรือรู้สึกอะไรเราก็ปล่อยเขา วันนึงเขาก็แบบ อ้าว! ก็ไม่มีอะไรนิ มันก็เป็นสิ่งที่ผ่านมา ผ่านไป อยู่ที่เราจะรับมือกับมันยังไง วิธีการรับมือของวุ้นก็คือ รับรู้แล้วก็เฉยๆ เพราะสิ่งที่คนพูดบางทีก็ไม่ใช่ความจริง ถ้าเราไปเถียง จะกลายเป็นเราอยากจะไฟท์ คิดว่าไม่ดีกว่า อยู่ของเราแบบนี้ดีกว่า”

วุ้นเส้น วิริฒิพา

เรื่องส่วนตัวยังเปิดเหมือนเดิมไหม?

“ยอมรับนะคะว่าเรื่องส่วนตัวเปิดน้อยลงมากๆ คือ เมื่อก่อนจะเปิด เหมือนแบบพี่ๆ นักข่าวเราเจอกันทุกงาน เขาถามว่าเป็นยังไงบ้าง เราก็คือ ใสๆ เนาะ มีแฟนค่ะ อ๋อ เลิกกับแฟนค่ะ แต่ก็ไม่ค่อยมีดีเทลจากวุ้นเท่าไหร่ เพราะวุ้นจะเป็นคนไม่ค่อยพูดเรื่องส่วนตัวแบบละเอียด แต่เวลาคุยกันก็จะไม่ปกปิดกันอยู่แล้ว

แต่ ณ วันนี้วุ้นอาจจะอยากพูดน้อยลง เพราะวุ้นรู้สึกว่าบางทีพูดเยอะไป มันก็ทำร้ายวุ้นทีหลัง วุ้นก็แค่ป้องกันตัวเองเฉยๆ แต่ไม่ได้ปกปิดหรือโกหกอะไร แค่อยากพูดน้อยเพื่อให้หลังจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะยังมีชีวิตและจิตใจที่แข็งแรงอยู่ ไม่อยากให้ข่าวมาลดคุณค่าในตัวเอง คือ มันก็มีนะ บางทีที่แบบข่าวไม่ดีมันก็ลดคุณค่าเราจนคนที่ไม่รู้เขาอ่านข่าว แล้วเวลาเขามองหน้าเรา เราก็รู้สึกว่าเขาก็ดูถูกเราอยู่ลึกๆ แต่เราก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะเขามีสิทธิคิดถ้าเขาตัดสินเราจากข่าวจริงๆ

ความรักตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?

“ถ้าพูดเรื่องความรักวุ้นไม่ได้ปกปิดอะไร ทุกคนมีสิทธิที่จะมีความรัก มีคนที่เรียนรู้ศึกษา แต่ถามว่าวุ้นมั่นใจที่จะมาพูดกับสื่อมวลชนหรือประชาชน วุ้นคิดว่าก็ยังไม่ได้มั่นใจที่วุ้นอยากจะบอกทุกคนขนาดนั้น วุ้นอยากบอกในวันที่มันเกิดขึ้นจริงๆ มันเกิดขึ้น มันเห็นภาพแล้วว่านี่คือสิ่งที่ทุกคนรออยู่ว่าตกลงคนคนนี้ที่วุ้นจับมืออยู่จะทำยังไง จะเป็นยังไง และจะซัพพอร์ตกันยังไง แต่ ณ เวลานี้เป็นช่วงเรียนรู้ เราอยากให้สเปซทั้งตัวเองและเขาให้เป็นแบบเงียบๆ และไม่มากระทบ เพราะทุกครั้งที่เปิดมันก็มีกระทบเหมือนกัน เลยคิดว่าครั้งนี้อยากอยู่แบบคนปกติ”

มุมมองความรักเปลี่ยนไปเยอะไหม?

“เปลี่ยนเยอะค่ะ เมื่อก่อนเราก็จะมีการเลือกคนเข้ามาในชีวิตตามวัยของเรา เมื่อก่อนชอบแบบนี้ เอาแค่นี้พอ แต่พอเราโตขึ้น เราเรียนรู้แล้วว่าที่ผ่านมาแบบไหนมันเวิร์ค แบบไหนไม่เวิร์ค ทุกคนมีข้อดีข้อเสียหมด แต่เราก็รวบรวมข้อดีของแต่ละคนมาเป็นสเปคเราในปัจจุบัน ซึ่งคนแบบนั้นมันไม่มีหรอก ไม่มีบนโลกนี้ แต่เราก็เอาให้ใกล้เคียง เอาให้เรารู้สึกสบายใจ

คนที่อยู่กับเราไม่จำเป็นต้องแบบ โห ดูเหมาะสมกันมาก ทั้งหน้าตา ฐานะ นิสัย สถานะต่างๆ ดูเหมาะสมกันมากเป็นกิ่งทองใบหยก วุ้นไม่ได้ต้องการขนาดนั้น วุ้นต้องการคนที่อยู่ด้วยแล้ววุ้นรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง รู้สึกสบายใจ ไม่มีเรื่องกระทบจิตใจ ไม่มีความไม่ซื่อสัตย์เกิดขึ้น และไลฟ์สไตล์ที่ศีลเสมอกันนิดนึง”

การแต่งงานยังสำคัญอยู่ไหม?

“วุ้นยังไงก็ได้นะคะเรื่องงานแต่งงาน เพราะวุ้นเป็นคนที่ตั้งแต่เด็กๆ แล้ววุ้นไม่ได้เหมือนผู้หญิงทั่วไปที่ต้องแต่งงานตอนนี้ ตอนนั้น วุ้นเป็นคนเชื่อในจังหวะเวลาชีวิตมากกว่าว่าถ้ามันใช่เดี๋ยวมันก็ใช่เอง ถ้าใช่เวลา ถูกคน ถูกที่ มันก็เกิดขึ้น วุ้นไม่ได้ต้องแบบ ฉันต้องใส่ชุดเจ้าสาว คือ ใส่เมื่อไหร่ก็ได้ วุ้นไม่ได้ตื่นเต้นกับอะไรแบบนั้น แต่แค่ถ้ามันถึงเวลาจริงๆ ต้องทำให้ถูกต้องก็โอเค”

“ทุกวันนี้ ทำอะไรก็ได้ที่เราแฮปปี้ อยู่แบบไหนก็ได้ ไม่ได้มีแพทเทิร์นให้เราว่าวันนึงต้องมีลูกสามคน ต้องแต่งงานกับคนนี้ ต้องแต่งงานกับคนบ้านรวยเท่านี้ ไม่มี ไม่มีใครมากำหนดชีวิตให้เราได้ คนที่รักเราจะบอกเราว่า อยู่กับคนที่รักเรา รู้สึกเป็นตัวเองและมีความสุข สบายใจ ไม่เป็นทุกข์ แค่นี้มันก็หายากมากแล้ว นอกนั้นของนอกกายมันหาได้ด้วยตัวเรา แต่คนที่จะทำให้เรารู้สึกดีมันไม่ได้หาง่ายค่ะ”

สุดท้ายอยากฝากอะไรถึงแฟนๆ บ้าง?

 “ทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่าวุ้นเป็นอะไรยังไง วุ้นขอไม่ฝากอะไรเกี่ยวกับตัวเองแล้วกัน ขอฝากธุรกิจแล้วกันค่ะ 5 ปีแล้วสำหรับเซวา วุ้นตั้งใจมากจริงๆ ทุกคนคงเห็นอยู่แล้วว่าสิ่งที่วุ้นทำมา 5 ปี วุ้นไม่ได้ทำเล่นๆ วุ้นจริงจัง อยากให้ทุกคนเห็นภาพความเป็นนักธุรกิจของวุ้น หลังจากนี้วุ้นก็จะตั้งใจพัฒนางานนี้ต่อไป ฝากเซวาให้กับทุกคนได้ลองด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ”

เรียกว่าทุ่มสุดตัวให้กับทุกบทบาทในชีวิตจริงๆ แบบนี้ต้องยกตำแหน่งสาวเก่งสุดสตรองให้ไปเลย สำหรับแฟนๆ ที่รอผลงานทางหน้าจอของสาววุ้นเส้นก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะเจ้าตัวยังไม่หันหลังให้วงการบันเทิงแต่จะมีผลงาน บทบาทไหนออกมาติดตามชมกันให้ดี รับรองเด็ดแน่นอน