“จตุรงค์” พร้อม “น้องพี” เคลียร์ใจสัมพันธ์ลุง-หลาน ปล่อยอยู่วัด-โกงค่าตัว จนต้องแยกทาง

ถือว่าเป็นตลกที่ดังที่สุดของยุคในตอนนั้นสำหรับ น้องพี มกจ๊ก ที่ได้ ลุงรงค์-จตุรงค์ โพธาราม นำมาเล่นตลกในคณะ แต่อยู่ๆ ก็หายจากกันไป ซึ่งมีข่าวว่า ลุงรงค์ ทั้งโกงค่าตัวเด็ก หากินกับเด็ก ทั้งปล่อยให้ไปอยู่วัดขอข้าววัดกิน วันนี้จะมาเผยทุกประเด็น พร้อมเปิดชีวิต น้องพี ที่หายไปจากวงการเกเรเสเพล พร้อมทั้งวีรกรรมแสบมากมายที่แม้แต่ลุงรงค์เองก็เพิ่งได้รับรู้วันนี้ ซึ่งคู่ลุงหลานได้ควงกันมาออกรายการครั้งแรกในรอบ 10 ปี ในรายการคุยแซ่บ SHOW ทางช่องวัน 31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ ธัญญ่า ธัญเรศ เป็นพิธีกร

เล่นตลกกับเด็กมีคนว่ามั้ย เอาเด็กมาขาย?

ลุงรงค์ : “สมัยก่อนไม่มีโซเชียล มันเป็นข่าวเลยนะ เขาเขียนว่าเอาเด็กมาหากิน สั้นๆ เลยเอาเด็กมาหากินเราก็โดนแล้ว เราตอบว่ามันไม่ได้เป็นการเอาเด็กมาหากิน มันเป็นการเอาเด็กมาหารายได้เพื่อให้พ่อแม่เขา เขาก็ไม่ได้เสียการเรียนของเขา เขาก็ไปโรงเรียนเหมือนเดิมว่างก็เอามาเล่น เอาความสาระของเด็กมาแสดงออก ซึ่งปัจจุบันเยอะมากเลยนะ ดันลูก ลูกดาราดังเป็นแถวเลยนะ มันก็เหมือนกันแหละ นี่ตั้งแต่แยกกัน 10 กว่าปีไม่เคยพาออกทีวีนี่เป็นรายการแรกเลย เขาไม่ได้มาง่ายๆ นะคิวเขาไม่ว่าง ทำอะไรลูก”

น้องพี : “ย่างหมูครับ ตั้งแต่วันจันทร์ถึงอาทิตย์อีกวันคือย่างหมู”

หายไปนานเท่าไหร่แล้ว?

น้องพี : “10 กว่าปีครับ ช่วงนั้นคาเฟ่เขาซบเซาด้วยครับ”

ออกกฏห้ามเด็กเข้าคาเฟ่ด้วย และด้วยอะไรหลายๆ อย่าง ลุงรงค์พอไม่มีคาเฟ่ก็ไม่ได้ทำคณะด้วย

ลุงรงค์ : “ก็ถ่ายละคร ถ่ายหนัง ถ่ายรายการ คาเฟ่ก็เลิกๆไป อีกอย่างน้องพีจะเล่นไม่เหมือนเด็กๆ แล้วเขาโตขึ้น มันเลยต้องหยุด”

มีข่าวว่าโกงค่าตัวหลาน หลานรับไม่ได้เลยต้องแยก?

ลุงรงค์ : “ถ้าเป็นคนในครอบครัวพ่อแม่เขาจะรู้ ตัวน้องดีเองจะรู้เรื่องเงินเรื่องทองเรามีแต่ให้ เมื่อก่อนถ้าใครให้ต้องหารคนในวง แต่ถ้าเป็นน้องพีได้เท่าไหร่เอาไปเลย ส่วนค่าตัวน้องพีพ่อแม่เขาเป็นคนรับเลยนะ สมัยก่อนที่ฮิตมากเลยคือมุกอมตัง เล่นแล้วฮา ก็เล่นกันคนอื่นคิดว่าไปอมตังหลาน”

น้องพี : “ไม่เห็นนะเพราะว่าปากเค้าก็ไม่มีอะไรตุงอยู่ ตอนนั้นผมเด็กด้วยโฟกัสแค่ว่าถ้าเราไปเล่นตลกที่นี่ตรงนี้เราจะได้ของเล่น”

ตอนนั้นกำลังดังเลย แล้วหยุดไป เราไปทำอะไร?

น้องพี : “กลับไปใช้ชีวิตเหมือนเด็กปกติเลย เช้าไปโรงเรียน เย็นกลับมาก็เล่นกับเพื่อน นอน ไปโรงเรียนอีกวัน”

ตอนนั้นมีโทรเรียกหลานให้มาเล่นตลกมั้ย?

ลุงรงค์ : “ตลกไม่ได้เล่นแล้วไงมันหยุดแล้ว เลิกแล้วก็เลยไม่ได้เรียก พ่อกับแม่เขามีงาน”

น้องพี : “กลับไปใช้ชีวิตปกติกันหมดเลยทุกคน”

ตอนที่เล่นตลกอยู่บ้านลุงรงค์?

น้องพี : “ใช่ครับ พอไม่ได้ก็ออกมาอยู่กรุงเทพก่อน แล้วไปอยู่ที่นครปฐม เริ่มใหม่กันที่นั่น”

มีข่าวว่าลุงรงค์ทอดทิ้งน้องพีให้เป็นเด็กวัด?

ลุงรงค์ : “ไม่ได้ทอดทิ้งก็เขาขนกันไปเอง ไปเช่าบ้านอยู่หน้าวัดเลย บ้านอยู่ตรงข้ามวัดน้องพีก็เข้าไปวิ่งเล่นในวัด”

น้องพี : “ตอนนั้นเปิดร้านขายเสื้อผ้า ทำเลหน้าวัดมันสวย ใกล้ร้านสะดวกซื้อ”

ลุงรงค์ : “พอน้องพีไปวิ่งเล่นในวัดนักข่าวก็เจาะเลย นี่น้องพีหนิ เติมเข้าไปอีกหน่อย น้องพีต้องอาศัยวัดอยู่ เติมเข้าไปอีกนิด ขอข้าววัดกิน พอเติมแบบนี้ลุงรงค์เลย”

ตอนนั้นเราตั้งใจไปอยู่ที่วัด?

น้องพี : “ผมบ้านอยู่หน้าวัด เป็นเพื่อนกับหลานหลวงพ่อน้ำฝน มีงานก็ไปช่วย”

ที่ออกจากลุงรงค์มาชีวิตลำบากมั้ย?

น้องพี : “ถ้าจริงๆ ลำบาก เพราะก่อนหน้านี้เป็นตลกเงินค่อนข้างเยอะ พอออกมาแม่ก็ไปขายเสื้อผ้า เรากลับไปเรียน พ่อทำแอร์ มันเป็นการเริ่มต้นใหม่ก็ค่อนข้างลำบาก”

ตอนนั้นตัดขาดมั้ย?

ลุงรงค์ : “ไม่ตัดขาดหรอก พ่อมันเป็นน้องที่เราเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ โตมากับเรา เวลาที่เราด่าหรือว่าอะไรในสิ่งที่ทำผิด ถ้าไม่เชื่อฟังมันจะงอนแล้วก็หายไป จะให้เราไปตามง้อมันก็ไม่มีเวลาถึงขนาดที่ต้องไปนั่งง้อ แล้วสุดท้ายมันก็กลับมากันเอง”

หายกันไปกี่ปีกว่าจะกลับมาเจอกัน?

ลุงรงค์ : “4-5 ปี”

น้องพี : “ผมจำไม่ได้ช่วงนั้นน่าจะประมาณ ป.5 กลับมาเจอลุงรงค์ในช่วง ม.2”

เจอลุงรงค์ครั้งแรกตอน ม.2 พูดว่าไง?

น้องพี : “ไม่กล้าเจอก่อนตอนนั้น เพราะเราห่างกันไปเลย จนมีงานศพของย่าผมก็ต้องมารวมกันที่วัดก็เลยได้เจอกัน”

ตอนไม่เจอคิดถึงมั้ย?

น้องพี : “ช่วงนั้นเด็กด้วยครับ คือเราไม่ได้รู้สึกอะไร ตอนนั้นอยู่วงดนตรีที่โรงเรียนด้วย ก็ใช้ชีวิตปกติไปจนมาเจอเขาอีก”

คิดถึงหลานมั้ย?

ลุงรงค์ : “คิดถึง คืดถึงทั้งพ่อกับแม่เขาด้วย แต่เราเป็นพี่ น้องทิฐิไม่ยอมมาหาเรา ปกติทำผิดอะไรต้องเดินมาขอโทษ แต่อันนี้หายไป 4 ปี ไม่ยอมไม่สนใจ ไม่มาหาเลย แล้วเราจะไปตามเหรอ”

ทะเลาะกันเรื่องอะไร?

ลุงรงค์ : “ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันหรอก แค่พ่อแม่เขาใช้เงินผิดประเภท เงินก็หมดไปโดยง่าย เราด่า ยอมรับว่าด่า ใส่อารมณ์”

ตอนเขาไปเราใจหายมั้ย?

ลุงรงค์ : “ก็ไม่หรอก เพราะว่าไปแบบไม่รู้ตัว อยู่ๆ เช้ามาครอบครัวนี้ไปไหน”

น้องพี : “เก็บของออกจากห้องไปเลย”

ตอนนั้นรู้สึกผิดมั้ย?

ลุงรงค์ : “ไม่ผิด เราด่าในสิ่งที่ถูกต้อง เราเป็นผู้ใหญ่เราเป็นพี่ เราโกรธมันด้วยซ้ำด่าแค่นี้ไม่ได้หรอ เราเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ โตขึ้นมาขนาดนี้ อยู่กับเรามามั้งชีวิตอยู่ๆ หายไป”

มาเจอกันอีกครั้งได้ยังไง?

ลุงรงค์ : “งานศพไง เจอหน้าน้องพี สมัยก่อนน้องพีจะเป็นหลานที่เพอร์เฟคมากมันดังมีทุกอย่างเลย มากกว่าหลานคนอื่น พอมาเจองานศพน้องพีดูด้อยกว่าหลานคนอื่นเลยนะ ตอนเจอถามว่าเรียนอะไร เรียนยังไง เรียนหรือเปล่า เป็นห่วงเรื่องนี้อย่างเดียวเลย”

น้องพี : “เรื่องเรียน เขาจะเน้นเรื่องเรียนเป็นพิเศษ ตอนนั้นกำลังจะเปิดเทอม ม.2 เทอม 2 ก็เลยไปหาเขา”

ลุงรงค์ : “เรียนไร ดูท่าไม่ดีแน่ ไปบอกพ่อกับแม่เลยมาอยู่ที่บ้านสายสี่ เก็บเสื้อผ้าเลย เดี๋ยวพาไปฝากโรงเรียนที่มันมาตรฐาน”

น้องพี : “ก็ย้ายเลย เก็บของมาอยู่กับเขาเลยตอนนั้น”

เจอพ่อแม่เขาครั้งแรกพูดว่าไง?

ลุงรงค์ : “มันเข้ามาไหว้ เจอก็กลัวเราแล้ว เหมือนเข้ามายอมรับผิดอะแหละ ลืมไปหมดแล้วเรื่องโกรธ ซึ่งเพียงแต่ให้เราไปง้อน้อง ซึ่งน้องผิด มันไม่ได้”

กลับไปอยู่กับลุงรงค์?

น้องพี : “กลับไปเรียนที่กรุงเทพ อยู่บ้านเค้ายาวเลย”

ตลอดเลยหรอ?

ลุงรงค์ : “ไม่ตลอด โรงเรียนเข้ากี่โมง 10 โมงยังไม่ตื่นเลย สักอาทิตย์กว่า 2 อาทิตย์ ผอ.เชิญลุงรงค์ไปเลย”

น้องพี : “ช่วงนั้นเจ็ทแลคเพิ่งย้ายมา ก็เลยตื่นสายหน่อย”

ตอนเจอ ผอ. เป็นยังไงบ้าง?

ลุงรงค์ : “หลานคุณน้องพีทำไมยังงี้ล่ะ ผมก็ไม่รู้จะทำไงขอโทษครับ เอาไงดีล่ะ เราก็ไม่ดุ มันก็หน้ามึนๆ ลอยๆ ลุงรงค์กลับมา ตี 2 น้องพียังไม่นอนเลย ช่วงนั้นเริ่มเป็นหนุ่ม”

อยู่ได้นานเท่าไหร่ โรงเรียนนี้?

น้องพี : “ผมอยู่ได้ 3 เดือน อยู่ให้จบเทอม”

ลุงรงค์ : “มันเป็นช่วงที่เด็กกำลังเก กำลังดื้อ”

น้องพี : “ช่วงนั้นตระเวนเลยนั่งรถเมล์ไม่ถึงโรงเรียนสักที นั่งอ้อมไปเรื่อยๆ ดูทางว่าเราจะไปทางไหนดี”

ตอนออกโรงเรียนไปอยู่ไหน?

น้องพี : “ตอนนั้นก็เคว้งครับจะไปอยู่ไหนดี อยู่กับลุงรงค์ไม่ได้แล้วเพราะเกเร แม่ก็อยู่นครปฐม โซซัดโซเซ สุดท้ายเลยเลือกไปอยู่นครปฐมดีกว่า”

ไปถึงบ้านแม่เกเรที่สุดแล้ว?

น้องพี : “ที่สุดแล้ว เต็มสูบเลย ช่วงนั้นมันกึ่งกลางพอดี เราออกจากลุงรงค์กะมาอยู่กับแม่ที่นครปฐม ช่วงนั้นแม่ย้ายกลับภูมิลำเนาพอดีที่ราชบุรี เราติดเพื่อนที่นครปฐมเลยตัดสินใจว่าอยู่นครปฐมนี่แหละ อยู่บ้านเพื่อนเลย ตอนนั้นเข้าเรียนที่บ้านโป่ง ด้วยความไกลด้วย ติดเพื่อนด้วยเริ่มไม่ไปเรียนละ อยู่บ้านเพื่อน 6 เดือนเต็มๆ”

เอาเงินมาจากไหนตอนนั้น?

น้องพี : “ทำงานครับ ทำอยู่กับเพื่อนบ้าง เพื่อนขายหมูไปช่วยขายก็จะได้เงิน ไปอยู่บ้านเขาข้าวฟรี อยู่บ้านเพื่อน 6 เดือน แล้วพ่อแม่ไม่รู้ว่าอยู่ไหนเพราะเราก็ไม่บอกพ่อแม่ด้วย ไม่บอกใครเลย”

เขาไม่ตามเหรอ?

น้องพี : “เขาไม่รู้จะตามที่ไหน ใช้วิธีสื่อสารผ่านตัวกลางคือน้า เราจะบอกน้าว่าไม่ต้องตามนะ ยังมีชีวิตอยู่เดี๋ยวมาหาทุกวันอาทิตย์ฝากบอกพ่อแม่ด้วย”

ลุงรงค์ยังไม่รู้เลยเรื่องนี้?

ลุงรงค์ : “ไม่รู้เลย แล้วกินอะไร ชีวิตเสเพลเละเทะขนาดนั้น นี่ไปเล่าให้พจน์ อานนท์ มันทำเลยนะเนี่ย”

น้องพี : “แต่ว่ามันเป็นช่วงสั้นๆ 6 เดือนสำหรับเรา”

กลับมาอยู่บ้าน?

น้องพี : “พ่อแม่ซ้อนแผนมาเจอเรา บอกว่าเดี๋ยวน้าจะเอาตังมาให้ เราก็โอเค สุดท้ายเป็นพ่อแม่มาเจอเรา สุดท้ายมันไม่มีที่ไหนเหมือนบ้าน กลับไปอยู่ราชบุรีกับพ่อแม่ ตอนนั้นทำงานและเรียน กศน.”

อะไรที่ทำให้คิดว่าอยากกลับไปเรียน?

น้องพี : “ตอนนั้นมันสนุก เราเจอหน้าแม่แล้ว รู้สึกว่าอยู่ที่นี่มานานแล้วมันไม่ใช่บ้านเราด้วย เราดูเหมือนคนไม่มีอนาคตใช้ชีวิตไปวันๆ ตัดสินใจกลับไปอยู่กับพ่อแม่ดีกว่า”

ตอนเรียน กศน. ทำงานอะไร?

น้องพี : “ช่างไฟ  พ่อก็เป็นช่างไฟด้วยเดินระบบ เอาความรู้จากพ่อมา”

คิดถึงตอนเด็กๆมั้ยที่เราดังแล้วต้องมาเป็นช่างไฟ?

น้องพี : “ช่วงนั้นเรา 3-4 ขวบ มันจำอะไรไม่ได้เลย จำได้ช่วงนครปฐมมีเล่นละครบ้าง แล้วก็หายไปเลยจำไม่ได้ ได้แต่คิดว่าไม่เป็นไรมันผ่านไปแล้ว”

ไปเป็นทหารทำให้คิดอะไรได้มากขึ้นมั้ย?

น้องพี : “ได้ทุกอย่างเลย เปลี่ยนทุกอย่างเปลี่ยนตัวเอง”

ลุงรงค์ : “เป็นคนละคนเลย”

น้องพี : “ตอนเป็นทหารอยู่กับลุงรงค์แล้ว ตอนนั้นไปอยู่ราชบุรีละกลับมาเจอลุงรงค์อีกรอบนึง”

มาเจอกันได้ยังไง?

น้องพี : “มีอาอีกคนนึง เขาบอกว่าลุงรงค์วิ่งเก็บตกให้พี่ตูนอยู่นะจะมามั้ย เราคิดว่ามันผ่านเวลามานานแล้ว แล้วเราก็รู้สึกผิด เพราะตอนนั้นออกมาจากเขาก็ไม่ได้บอกเขาเหมือนกัน หนีออกมา เราเลยไป”

ลุงรงค์ : “กำลังวิ่งเก็บเงินอยู่ข้างทาง รับเงินๆ  มีผู้ชายหนุ่มๆ คนนึงวิ่งมาตีคู่ อ้าวน้องพี”

น้องพี : “แล้วก็วิ่งง้อกันไปเหมือนหนังอินเดีย ง้อกันไปคุยกันไป”

หันไปเจอน้องพีรู้สึกยังไง?

ลุงรงค์ : “ก็ไม่รู้สึกยังไง ธรรมดากับครอบครัวนี้มาก เพราะมันเข้าๆ ออกๆ กันตลอดเวลา เพราะรู้สักวันน้องพีต้องมาหาเรา พอมันมาหาเราก็เอามันเข้ามาอยู่เหมือนเดิมแหละ”

น้องพี : “เขาผูกเชือกรองเท้าอยู่กำลังจะวิ่งพอดี”

ลุงรงค์ : “หลังจากวันนั้นก็วิ่งด้วยกันจนจบเป้าหมายแหละ ตอนนั้นเริ่มมีครัวลุงรงค์แล้วเอามันเข้ามาอยู่ในครัวลุงรงค์ก็เลยมาทำงาน มีรายได้”

ตอนที่วิ่งประโยคแรกที่พูดคืออะไร?

ลุงรงค์ : “อ้าว มายังไง”

น้องพี : “นั่งรถตู้มากับเพื่อนลุงนี่แหละ”

ลุงรงค์ : “คำต่อไป คืนนี้ไปย่างหมูนะ แล้วก็ย่างหมูตลอดมา”

น้องพี : “เขาถามเรื่องเรียนก่อนว่า เรียนเป็นยังไง เรียนอยู่มั้ย บอกเรียน กศน. เขาบอกไม่เชื่อก็วิ่งต่อ”

ลุงรงค์ : “จะไปเชื่ออะไรเรียนธรรมดายังไม่เรียนเลย กศน.สบายกว่า สมองเรากับน้องพีตัดทิ้งไปเลยเรื่องเรียน มันไม่ใส่ใจแน่ สิ่งที่ทำให้เราภูมิใจสุดคือไปเป็นทหาร 2 ปี แล้วกลับมาป็นอีกคนอันนี้ภูมิใจสุด”

เล่าให้ฟังหน่อยเปลี่ยนยังไง?

น้องพี : “อยู่กับเขาก็ค่อนข้างเกเรเหมือนกันนะ”

ลุงรงค์ : “แกล้งคนโน้นอำคนนี้ให้เขาร้องไห้เสียใจ ถ้าทำแบบนี้เก็บกระเป๋าออกไปเลยนะ”

น้องพี : “ไปเป็นทหารเปลี่ยนทุกอย่างเปลี่ยนเรื่องความคิด เขาปลูกฝังชีวิตประจำวันใหม่ ตื่นเช้า จะทำไรก็ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ พูด ค่อยๆ คิด”

หลานเราหลังจากทหารชอบที่สุดแล้ว?

ลุงรงค์ : “ชอบที่สุดแล้ว หลังจากปลดทหาร ไม่ถึงปลดปีแรกเราก็โอเคแล้ว มันจะกลับมาทุกเสาร์อาทิตย์ กลับมาการพูดการคุย การเปลี่ยนแปลง ระบบสมอง มันดีอ่ะ มันจะบอกลุงอันนั้นไม่ใช่ ลุงอันนี้ผิดนะ ลุงทำแบบนี้สิ ระบบคิดมันอ่ะ มีระบบมีระเบียบมีทุกอย่างมีการวางตัว ก่อนหน้านี้น้องพีจะเป็นคนพูดอะไรไร้สาระมาก กับคนอื่นไม่รู้ แต่กับน้องพีเปลี่ยนมาก เดี๋ยวจะให้ตำแหน่งใหม่นะเป็นผู้จัดการ jr green”

ไปทำงานร้านอาหารเกือบโดนไล่ออก?

ลุงรงค์ : “ตอนแรกให้เป็นพีอาร์คอยต้อนรับไม่ชอบ ชอบย่าง ตอนนี้หันจนเป็นเซียนเลย ก่อนเป็นทหารด้วยความที่ปากไว พูดพล่อย อำคนโน้นแหย่คนนี้ แกล้งคนนั้น ลุงไม่เท่าไหร่เมียลุงกับเฟิร์นรับไม่ได้หนักที่สุดว่าน้องชายเฟิร์น”

น้องพี : “คือแซวใส่สร้อย”

ลุงรงค์ : “ตอนนั้นมันอ้วนไง คอมันดำ ใส่สร้อยสีดำเหรอ เรียกประชุมเลยทำไมทำยังงี้ เด็กไม่รู้เรื่องหรอกแต่ผู้ใหญ่เสียใจ นั่งเศร้าเลย”

น้องพี : “ตอนนั้นเราไม่ได้ว่าน้องเขา เราพูดกันเอง แซวกันไปมาระหว่างญาติพี่น้องมากกว่า อำๆ”

 รู้มั้ยว่าผิด?

น้องพี : “รู้ว่าผิดตั้งแต่พูดไปละ แล้วถ้าน้องได้ยินน้องจะรู้สึกยังไง เพราะตอนนั้นน้องไม่ได้มาพูดแหย่กับน้าสาว”

ลุงรงค์ : “แล้วพูดว่าให้ออกก็ออก ตอนนั้นก่อนเป็นทหารสมองยังไม่มีระบบเลย”

อะไรทำให้เราอยากไปเกณฑ์ทหาร?

น้องพี : “เพราะลุงรงค์บอกให้ไปเกณฑ์ ตอนแรกไม่อยากไป”

ลุงรงค์ : “ลุงอ่ะเคยเป็นทหารมาก่อน สมัยก่อนลุงก็เป็นแบบมัน มันถอดแบบลุงมาเลย พอกลับมาเปลี่ยนเป็นคนละคน ลุงจึงได้รู้ว่าการเป็นทหารมันได้ระบบความคิดเยอะมาก มันเหมือนกับเราในช่วงเวลานั้นพอดี”

เหมือนจะว่าแต่สปอยล์เขามาก?

ลุงรงค์ : “ให้ทุกอย่าง รองเท้า 25,000 เราอยากให้เขาไปเป็นทหาร พอเขากลับมาเขามองรองเท้าอันนี้มันรู้ว่าลุงมี ใส่ไม่กี่ครั้ง ไปเปิดท้ายรถเอาเลยใส่กล่องให้อย่างดี”

น้องพี : “สปอยด์ทุกอย่างถ้าขอนะ เขาเป็นคนจะด่าก่อน ด่าสุดแรงเกิดชีวิตเขาแหละ ด่าแล้วเขาก็ให้”

รู้มั้ยลุงรงค์รักมาก?

น้องพี : “รู้ เราไม่ค่อยพูดกัน แต่ถ้าขออะไรเขาจะให้ เขามีพระคุณทั้งกับเราทั้งพ่อแม่เรา”

ติดตามชมคำสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ใน รายการคุยแซ่บ Show  ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา13.05-14.05 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama